คำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อสินค้าให้คุ้มค่าที่สุด ด้วยสูตร EOQ
วิธีและตัวช่วยคำนวณ EOQ (Economic Order Quantity) พร้อมตัวอย่างการใช้งานเพื่อช่วยวางแผนในการหาปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสมในธุรกิจต่างๆ และธุรกิจสัตว์
ถ้าเราเป็นคนทำธุรกิจหรือเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อสินค้า คงจะมีคำถามว่าเราควรสั่งซื้อสินค้าจำนวนเท่าไรต่อครั้ง? และสินค้าในที่จัดเก็บเหลือเท่าไรถึงจะสั่งซื้อเพิ่ม? วันนี้เราจะตอบคำถามข้อแรกก่อน เพื่อให้เราบริหารต้นทุนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราจะมาแนะนำการคำนวณ EOQ (Economic Order Quantity) เพื่อหาปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสมพร้อมกับยกตัวอย่างการนำไปใช้งานจริงในธุรกิจสัตว์ และยังสามารถคำนวณ EOQ ง่ายๆด้วยตัวเองบนเว็ปไซต์ได้ทันที
อ่านบทความเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบว่าเราควรสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเมื่อสินค้าเหลือปริมาณเท่าไร?
เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน
EOQ (Economic Order Quantity) คืออะไร?
EOQ (Economic Order Quantity) คือ ปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสม หรือประหยัดที่สุด เพื่อให้มีต้นทุนให้น้อยที่สุด และช่วยในการจัดการสต็อกของสินค้าในการขายหรือใช้งาน ในการวางแผนการจัดการสำหรับธุรกิจสัตว์
EOQ (Economic Order Quantity) คำนวณอย่างไร?
EOQ = จำนวนการสั่งซื้อที่เหมาะสม
D = ปริมาณการขาย หรือการใช้สินค้าในช่วงเวลาหนึ่ง
S = ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาในแต่ละครั้ง
H = ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้าต่อหน่วยในช่วงเวลาหนึ่ง
อ่านเพิ่มเติม: คำนวณจุดที่ควรสั่งซื้อสินค้าเพิ่ม หรือจุดสั่งซื้อซ้ำ (reorder point)
ตัวอย่างการคำนวณ EOQ ในธุรกิจสัตว์
ตัวอย่างที่ 1
บริษัท A นำเข้าและจำหน่ายสารผสมอาหารสำหรับสัตว์ ต้องการหาปริมาณการสั่งซื้อสารผสมอาหารที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง โดยบริษัทมียอดจำหน่าย 300 ถุงต่อเดือน โดยมีค่าใช้จ่ายในการนำเข้าต่อครั้ง 10,000 บาท และมีค่าเช่าคลังสินค้าเพื่อรอจำหน่ายถุงละ 5 บาทต่อเดือน
คำนวณ:
D = ปริมาณการขายในแต่ละเดือน = 300 ถุง/เดือน
S = ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาในคลังแต่ละครั้ง = 10,000 บาท/ครั้ง
H = ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้าต่อเดือน = 5 บาท/ถุง/เดือน
EOQ = sqrt((2DS) / H) = sqrt((230010000) / 5) = 1,095 ถุง/ครั้ง
สรุป:
ปริมาณการสั่งซื้อสารผสมอาหารที่คุ้มค่าที่สุดของบริษัท A คือ 1,095 ถุง/ครั้ง โดยจะสั่งสินค้าทุกๆ 3.7 เดือน และควรจะสั่งซื้อสารผสมอาหารเมื่อสินค้าเหลือ 1,000 ถุง (คำนวณจากตัวอย่างที่ 1 ในอีกบทความ)
ตัวอย่างที่ 2
บริษัท B เป็นผู้แทนจำหน่ายยาสำหรับสัตว์ ต้องการหาปริมาณการสั่งซื้อยาสัตว์ที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง โดยบริษัทมียอดจำหน่ายยา 100 ขวดต่อวัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจากซัพพลายเออร์ (Supplier) 1,000 บาทต่อครั้ง และมีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้ารอจำหน่ายขวดละ 2 บาทต่อวัน
คำนวณ:
D = ปริมาณการขายต่อวัน = 100 ขวด/วัน
S = ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อยาเข้ามาในคลังแต่ละครั้ง = 1,000 บาท/ครั้ง
H = ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษายาต่อวัน = 2 บาท/ขวด/วัน
EOQ = sqrt((2DS) / H) = sqrt((21001000) / 2) = 316 ขวด/ครั้ง
สรุป:
ปริมาณการสั่งซื้อยาสัตว์ที่คุ้มค่าที่สุดของบริษัท B คือ 316 ขวด/ครั้ง โดยจะสั่งสินค้าทุกๆ 3.2 วัน และควรจะสั่งยาเพิ่มเมื่อยาเหลือ 600 ขวด (คำนวณจากตัวอย่างที่ 2 ในอีกบทความ)
ตัวอย่างที่ 3
โรงพยาบาลสัตว์ C ต้องการหาปริมาณการสั่งซื้อยาสำหรับสัตว์ที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง โดยโรงพยาบาลจ่ายยาให้สัตว์ป่วยที่เข้ามาโรงพยาบาล 100 เม็ดต่อสัปดาห์ โดยมีค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อยาจากบริษัทผู้จัดจำหน่าย 2,000 บาทต่อครั้ง และมีค่าใช้จ่ายสำหรับพื้นที่จัดเก็บสินค้าเม็ดละ 10 บาทต่อสัปดาห์
คำนวณ:
D = ปริมาณการจ่ายยาต่อสัปดาห์ = 100 เม็ด/สัปดาห์
S = ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อยาเข้ามาในคลังแต่ละครั้ง = 2,000 บาท/ครั้ง
H = ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษายาต่อสัปดาห์ = 10 บาท/เม็ด/สัปดาห์
EOQ = sqrt((2DS) / H) = sqrt((21002000) / 10) = 200 เม็ด/ครั้ง
สรุป:
ปริมาณการสั่งซื้อยาสำหรับสัตว์ที่เหมาะสมของโรงพยาบาล C คือ 200 เม็ด/ครั้ง โดยจะสั่งสินค้าทุกๆ 2 สัปดาห์ และควรจะสั่งยาเพิ่มเมื่อยาเหลือ 600 เม็ด (คำนวณจากตัวอย่างที่ 3 ในอีกบทความ)
ทำไมต้องคำนวณ EOQ ในการสั่งซื้อสินค้าในธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์?
ช่วยประหยัดต้นทุน
ลดต้นทุนการสั่งซื้อและการเก็บรักษาสินค้าต่อหน่วยให้มากที่สุด
ช่วยในการวางแผนคลังสินค้าที่ดีขึ้น
ช่วยในการวางแผนการสั่งซื้อและการจัดการพื้นที่เก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ลดความเสี่ยงของธุรกิจ
ลดความเสี่ยงจากการมีสินค้าในคลังมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
ข้อควรระวังในการใช้ EOQ ในธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์
ความต้องการที่ไม่แน่นอน
โรคระบาดในสัตว์ การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการรักษาสัตว์ และการแข่งขันของสินค้าในตลาดอาจทำให้ความต้องการเปลี่ยนแปลงได้ทำให้ต้องคอยเฝ้าดูแลการใช้งานสินค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อคำนวณ EOQ
ข้อจำกัดของจำนวนสินค้าจากซัพพลายเออร์ (Supplier)
สินค้าบางกลุ่มอาจจะมีปัญหาเรื่องสต๊อกสินค้าขาดช่วงทำให้ต้องสั่งซื้อสินค้ามากกว่าปกติเพื่อป้องกันสินค้าขาดช่วงในการจำหน่ายให้ลูกค้า และมีปัจจัยด้านปริมาณขั้นต่ำในการสั่งซื้อต่อครั้งที่ต้องพิจารณาในการสั่งซื้อสินค้าร่วมด้วย
อายุการเก็บรักษาสินค้า
ยา สารเสริม อุปกรณ์ และอาหารสัตว์มีอายุการเก็บรักษาอย่างจำกัด ต้องคำนึงปัจจัยนี้เหล่านี้เช่นกัน
มีข้อจำกัดด้านพื้นที่จัดเก็บ
คลินิกสัตว์และร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมักมีพื้นที่ในการเก็บสินค้าจำกัด ต้องพิจารณาปรับจำนวณการสั่งซื้อให้เหมาะกับสถานที่จัดเก็บที่มี
ความหลากหลายของสินค้า
ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์มักมีสินค้าที่หลากหลาย ต้องคำนวณ EOQ แยกในแต่ละชนิดของสินค้า
มีข้อจำกัดทางกฎหมาย
ยาบางชนิดอาจมีข้อจำกัดในการสั่งซื้อและเก็บรักษาที่มีกฎหมายบังคับโดยเฉพาะ จึงไม่สามารถนำ EOQ มาพิจารณาได้
การคำนวณ EOQ มีประโยชน์สำหรับการจัดการสินค้าภายในคลังในธุรกิจต่างๆรวมถึง ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์และคลินิกสัตว์ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังและปรับให้เหมาะกับลักษณะเฉพาะของธุรกิจ การใช้ EOQ ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลและการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ จะช่วยให้การจัดการสินค้าคงคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน เพิ่มกำไร และให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
Related Posts