ทักษะที่จำเป็นในปี 2030 สำหรับสายงานเกี่ยวกับสัตว์ในไทย

มาดูกัน!! ทักษะอะไรบ้างที่ควรรู้เพิ่มเติมสำหรับคนที่อยู่ในสายธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ เพื่อที่จะนำไปพัฒนาตัวเองให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต

ทักษะที่จำเป็นในปี 2030 สำหรับสายงานเกี่ยวกับสัตว์ในไทย
เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

ทำไมทักษะใหม่ๆถึงจำเป็นในอุตสาหกรรมสัตว์ของไทย

ปัจจุบันในอุตสาหกรรมสัตว์ รูปแบบของการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการใช้งานเทคโนโลยี และนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง เพื่อนำมาสนับสนุนการทำงานโดยใช้ประสบการณ์เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าบุคคลากรที่ทำงานในสายงานนี้ในไทย ยังไม่ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนี้โดยเฉพาะด้านสัตว์เศรษฐกิจ ทำให้เป็นสิ่งที่ท้าทายในการนำมาพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์ เราจึงจำเป็นต้องรู้ว่าทักษะใดเป็นทักษะที่สำคัญในยุคนี้ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาวงการสัตว์เลี้ยง และสัตว์เศรษฐกิจของไทย

ทักษะที่จำเป็นในปี 2030 มีอะไรบ้าง? ส่งผลต่อสายงานสัตว์อย่างไร

จากข้อมูลการสำรวจของ World Economic Forum ได้แสดงถึงทักษะที่จำเป็นในอนาคตของการทำงานในประเทศไทย โดยเราจะมาวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ในมุมธุรกิจสัตว์ของประเทศไทย

ภาพรวมของทักษะในอนาคตปี2030 เทียบกับปี 2025 มีทักษะอะไรบ้างที่น่าสนใจ ### 1. ทักษะด้าน AI และ big data ทักษะกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นทักษะที่เติบโตเร็วที่สุดทั่วโลก และคาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทักษะนี้จะเข้ามาเป็นทักษะพื้นฐานในอนาคต เพื่อสนับสนุนการทำงานหลายในหลายมิติของสายงานสัตว์เลี้ยง และสัตว์เศรษฐกิจ ### 2. ทักษะด้าน Analytic thinking ทักษะนี้เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล แยกแยะข้อมูล ประเมินผล ตลอดจนแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญ และจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันมีข้อมูลและโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าสำหรับสัตว์จำนวนมาก การมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้อย่างมั่นใจ และเหมาะสม ### 3. ทักษะด้าน Creative thinking ทักษะนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาที่องค์กรต้องการ ซึ่งถือเป็นทักษะที่สำคัญในทุกสายงาน โดยเฉพาะในธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ เนื่องจากเนื้องานที่มีความหลากหลาย และต้องการความคิดที่เป็นมนุษย์สูง ทำให้ AI ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนทักษะนี้ได้ทั้งหมด ### 4. ทักษะด้าน Networks และ Cybersecurity ทักษะด้านนี้เน้นเรื่องความรู้ด้านเทคโนโลยีเครือข่ายดิจิทัล และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เป็นทักษะที่เติบโตเร็วมากในระดับโลก เนื่องจากทุกธุรกิจหรือหน่วยงานที่มีการจัดเก็บข้อมูล ต่างก็จำเป็นจะต้องมีทักษะการดูแลระบบเครือข่าย และความปลอดภัยของข้อมูล นั้นก็หมายความว่าทุกองค์กรจึงขาดทักษะนี้ไม่ได้ ### 5. Resilience, flexibility และ agility ทักษะเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การรับมือกับความกดดัน และความยืดหยุ่น ซึ่งถือเป็นทักษะสำคัญสำหรับความสำเร็จในการทำงานยุคปัจจุบันในประเทศไทย ที่ปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันได้ ตัวอย่างเช่น ความแตกต่างกันทางความคิดของผู้ร่วมงาน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และรูปแบบของการทำงานที่เปลี่ยนไป ### 6. ทักษะด้าน **Leadership และ social influence** ทักษะนี้เป็นทักษะที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นความสามารถในการเป็นผู้นำ การสนับสนุน และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น ถือเป็นทักษะสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการบริหารทีม และการจัดการบุคลากรในยุคปัจจุบัน ที่สภาพแวดล้อมและรูปแบบธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

1. ทักษะด้าน AI และ big data

ทักษะกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นทักษะที่เติบโตเร็วที่สุดทั่วโลก และคาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทักษะนี้จะเข้ามาเป็นทักษะพื้นฐานในอนาคต เพื่อสนับสนุนการทำงานหลายในหลายมิติของสายงานสัตว์เลี้ยง และสัตว์เศรษฐกิจ

2. ทักษะด้าน Analytic thinking

ทักษะนี้เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล แยกแยะข้อมูล ประเมินผล ตลอดจนแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญ และจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันมีข้อมูลและโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าสำหรับสัตว์จำนวนมาก การมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้อย่างมั่นใจ และเหมาะสม

3. ทักษะด้าน Creative thinking

ทักษะนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาที่องค์กรต้องการ ซึ่งถือเป็นทักษะที่สำคัญในทุกสายงาน โดยเฉพาะในธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ เนื่องจากเนื้องานที่มีความหลากหลาย และต้องการความคิดที่เป็นมนุษย์สูง ทำให้ AI ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนทักษะนี้ได้ทั้งหมด

4. ทักษะด้าน Networks และ Cybersecurity

ทักษะด้านนี้เน้นเรื่องความรู้ด้านเทคโนโลยีเครือข่ายดิจิทัล และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เป็นทักษะที่เติบโตเร็วมากในระดับโลก เนื่องจากทุกธุรกิจหรือหน่วยงานที่มีการจัดเก็บข้อมูล ต่างก็จำเป็นจะต้องมีทักษะการดูแลระบบเครือข่าย และความปลอดภัยของข้อมูล นั้นก็หมายความว่าทุกองค์กรจึงขาดทักษะนี้ไม่ได้

5. Resilience, flexibility และ agility

ทักษะเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การรับมือกับความกดดัน และความยืดหยุ่น ซึ่งถือเป็นทักษะสำคัญสำหรับความสำเร็จในการทำงานยุคปัจจุบันในประเทศไทย ที่ปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันได้ ตัวอย่างเช่น ความแตกต่างกันทางความคิดของผู้ร่วมงาน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และรูปแบบของการทำงานที่เปลี่ยนไป

6. ทักษะด้าน Leadership และ social influence

ทักษะนี้เป็นทักษะที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นความสามารถในการเป็นผู้นำ การสนับสนุน และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น ถือเป็นทักษะสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการบริหารทีม และการจัดการบุคลากรในยุคปัจจุบัน ที่สภาพแวดล้อมและรูปแบบธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของงานและทักษะในอนาคต

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของงานและทักษะในอนาคต ### 1. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี คาดการณ์ว่าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สุดสำหรับตลาดแรงงาน โดย AI, Big Data และ Automation จะสร้างตำแหน่งงานใหม่อย่างมหาศาล แต่ก็จะทำให้บางงานหายไปเช่นกัน โดยที่การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลจะ[สร้างงาน 19 ล้านตำแหน่ง](https://www.weforum.org/focus/skills-for-your-future/) และแบ่งออกเป็นงานด้าน AI และการทำเกี่ยวกับข้อมูลจะสร้างงาน 11 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ### **2. ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ** ต้นทุนค่าครองชีพสูง และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จะทำให้ธุรกิจเพิ่มความต้องการคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) ยืดหยุ่น (Flexibility) ล้มแล้วไปต่อได้ไว (Resilience) และมีความคล่องตัวสูง (Agility) ตำแหน่งงานที่เกี่ยวกับ AI, Machine learning, ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญด้าน Supply chain/Logistics จะเป็นที่ต้องการ ### **3. การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว** เพื่อรับมือ Climate-change จะทำให้เกิดตำแหน่งงานสีเขียว เช่น วิศวกรพลังงานทดแทน วิศวกรสิ่งแวดล้อม และผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Carbon credit ทักษะด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงเป็นหนึ่งในทักษะที่เติบโตเร็ว ### **4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร** คนสูงวัย และวัยแรงงานที่ลดลงในแต่ละประเทศ ทำให้เพิ่มความต้องการด้านทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา เพื่อเพิ่มศักยภาพของ talent ที่มีอยู่จำนวนน้อย ### **5. การเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก** ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และข้อจำกัดทางการค้าจะทำให้เกิดการปรับกลยุทธ์ของธุรกิจ ทำให้มีความต้องการงานด้านโลจิสติกส์ ความมั่นคง รวมถึงงานด้านระบบเน็ตเวิร์ก และไซเบอร์ พร้อมทั้งทักษะความยืดหยุ่นและการเป็นผู้นำ

1. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

คาดการณ์ว่าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สุดสำหรับตลาดแรงงาน โดย AI, Big Data และ Automation จะสร้างตำแหน่งงานใหม่อย่างมหาศาล แต่ก็จะทำให้บางงานหายไปเช่นกัน โดยที่การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลจะสร้างงาน 19 ล้านตำแหน่ง และแบ่งออกเป็นงานด้าน AI และการทำเกี่ยวกับข้อมูลจะสร้างงาน 11 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

2. ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ

ต้นทุนค่าครองชีพสูง และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จะทำให้ธุรกิจเพิ่มความต้องการคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) ยืดหยุ่น (Flexibility) ล้มแล้วไปต่อได้ไว (Resilience) และมีความคล่องตัวสูง (Agility) ตำแหน่งงานที่เกี่ยวกับ AI, Machine learning, ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญด้าน Supply chain/Logistics จะเป็นที่ต้องการ

3. การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว

เพื่อรับมือ Climate-change จะทำให้เกิดตำแหน่งงานสีเขียว เช่น วิศวกรพลังงานทดแทน วิศวกรสิ่งแวดล้อม และผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Carbon credit ทักษะด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงเป็นหนึ่งในทักษะที่เติบโตเร็ว

4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร

คนสูงวัย และวัยแรงงานที่ลดลงในแต่ละประเทศ ทำให้เพิ่มความต้องการด้านทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา เพื่อเพิ่มศักยภาพของ talent ที่มีอยู่จำนวนน้อย

5. การเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก

ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และข้อจำกัดทางการค้าจะทำให้เกิดการปรับกลยุทธ์ของธุรกิจ ทำให้มีความต้องการงานด้านโลจิสติกส์ ความมั่นคง รวมถึงงานด้านระบบเน็ตเวิร์ก และไซเบอร์ พร้อมทั้งทักษะความยืดหยุ่นและการเป็นผู้นำ

อุปสรรคของการพัฒนาทักษะยุคใหม่ ในมุมอุตสาหกรรมสัตว์ของไทย

อุปสรรคของการพัฒนาทักษะยุคใหม่ ในมุมอุตสาหกรรมสัตว์ของไทย ### 1. อุตสาหกรรมไม่ดึงดูดบุคลากรที่เก่งทักษะสมัยใหม่ จากข้อมูลปี 2023 [พบว่า GDP ของไทย](https://www.notion.so/Week-08-Essential-Statistics-for-Data-Analyst-Part-1-2-3-7474885f08f74ff4a34554fd4e1718e8?pvs=21) มาจากการบริการ 56.12% และภาคเกษตร 8.72% ทั้งสองเกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น[อุตสาหกรรมดั่งเดิม](https://aseanup.com/business-thailand/) ที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ทักษะสมัยใหม่ หรือมีการปรับตัวเอาทักษะยุคใหม่มาใช้งานน้อย ทำให้คนที่เชี่ยวชาญทักษะสมัยใหม่ไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ### 2. ความแตกต่างของทักษะของพนักงานกับความต้องการของตลาดแรงงาน ผู้ที่จบการศึกษามีทักษะไม่ตรงกับสิ่งที่ตลาดแรงงานต้องการ เป็นปัญหาที่พบมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันของไทย เนื่องจากความรู้และเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้[หน่วยงานทางการศึกษามีอุปสรรคในการปรับตัว](https://www.semanticscholar.org/paper/411-Designing-academic-talent-pipelines-to-meet-of-Larson/d258c077195b322eea4ed966ffd4378acfb102a9) โดยเฉพาะการมาของ AI ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้ที่ใช้งานเป็นกับไม่เป็น แต่ผลกระทบด้านสายงานเกี่ยวกับสัตว์จะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ### 3. องค์กรไม่ดึงดูดบุคลากรที่เก่งทักษะสมัยใหม่ ปัจจุบันองค์กรที่ทำธุรกิจสัตว์ในไทยยังปรับตัวนำทักษะหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI มาใช้ค่อนข้างน้อย แม้บางองค์กรจะเริ่มออกนโยบายสนับสนุนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดบุคลากรที่เชี่ยวชาญทักษะสมัยใหม่ เหตุผลสำคัญคือองค์กรในอุตสาหกรรมอื่นๆของไทย ให้ความสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่มากกว่า และมีการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้เทคโนโลยี ส่งผลให้องค์กรที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ด้อยกว่าในด้านการดึงดูดผู้คนที่มีทักษะสมัยใหม่ ### **4. ขาดความเข้าใจในโอกาสต่าง ๆ** ธุรกิจสัตว์ในไทยยังขาดความเข้าใจถึงโอกาสในการนำเทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ๆ มาใช้ประโยชน์ในธุรกิจหรือการทำงาน ส่งผลให้บุคคลากรที่ทำงานเลือกที่จะมองข้ามการพัฒนาทักษะสมัยใหม่เหล่านี้ ### 5. บุคลากรในองค์กรต่อต้านการเปลี่ยนแปลง สำหรับองค์กรขนาดเล็กที่ผู้บริการมีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีมาใช้งานก็มักจะไม่หนักใจกับปัญหานี้มากเท่าไร แต่ในองค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรเกี่ยวกับสัตว์ปศุสัตว์ถึงจะเริ่มมีนโยบายให้ประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี เช่น AI ในการทำงาน แต่ในทางปฏิบัติก็จะพบว่าบุคคลากรส่วนใหญ่เลือกที่จะปฏิเสธการใช้งานเทคโนโลยีเนื่องจากการทำงานแบบเดิมก็ยังสามารถทำได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาเรียนรู้ทักษะใหม่ๆเพิ่มเติม

1. อุตสาหกรรมไม่ดึงดูดบุคลากรที่เก่งทักษะสมัยใหม่

จากข้อมูลปี 2023 พบว่า GDP ของไทย มาจากการบริการ 56.12% และภาคเกษตร 8.72% ทั้งสองเกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมดั่งเดิม ที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ทักษะสมัยใหม่ หรือมีการปรับตัวเอาทักษะยุคใหม่มาใช้งานน้อย ทำให้คนที่เชี่ยวชาญทักษะสมัยใหม่ไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่

2. ความแตกต่างของทักษะของพนักงานกับความต้องการของตลาดแรงงาน

ผู้ที่จบการศึกษามีทักษะไม่ตรงกับสิ่งที่ตลาดแรงงานต้องการ เป็นปัญหาที่พบมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันของไทย เนื่องจากความรู้และเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้หน่วยงานทางการศึกษามีอุปสรรคในการปรับตัว โดยเฉพาะการมาของ AI ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้ที่ใช้งานเป็นกับไม่เป็น แต่ผลกระทบด้านสายงานเกี่ยวกับสัตว์จะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

3. องค์กรไม่ดึงดูดบุคลากรที่เก่งทักษะสมัยใหม่

ปัจจุบันองค์กรที่ทำธุรกิจสัตว์ในไทยยังปรับตัวนำทักษะหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI มาใช้ค่อนข้างน้อย แม้บางองค์กรจะเริ่มออกนโยบายสนับสนุนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดบุคลากรที่เชี่ยวชาญทักษะสมัยใหม่ เหตุผลสำคัญคือองค์กรในอุตสาหกรรมอื่นๆของไทย ให้ความสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่มากกว่า และมีการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้เทคโนโลยี ส่งผลให้องค์กรที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ด้อยกว่าในด้านการดึงดูดผู้คนที่มีทักษะสมัยใหม่

4. ขาดความเข้าใจในโอกาสต่าง ๆ

ธุรกิจสัตว์ในไทยยังขาดความเข้าใจถึงโอกาสในการนำเทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ๆ มาใช้ประโยชน์ในธุรกิจหรือการทำงาน ส่งผลให้บุคคลากรที่ทำงานเลือกที่จะมองข้ามการพัฒนาทักษะสมัยใหม่เหล่านี้

5. บุคลากรในองค์กรต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

สำหรับองค์กรขนาดเล็กที่ผู้บริการมีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีมาใช้งานก็มักจะไม่หนักใจกับปัญหานี้มากเท่าไร แต่ในองค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรเกี่ยวกับสัตว์ปศุสัตว์ถึงจะเริ่มมีนโยบายให้ประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี เช่น AI ในการทำงาน แต่ในทางปฏิบัติก็จะพบว่าบุคคลากรส่วนใหญ่เลือกที่จะปฏิเสธการใช้งานเทคโนโลยีเนื่องจากการทำงานแบบเดิมก็ยังสามารถทำได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาเรียนรู้ทักษะใหม่ๆเพิ่มเติม

ติดต่อสอบถาม
Writer:teenalytic
Share
Share
Share
Share
Print